DeeZan ชุมชนคนรักดี(ซ่าน)
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.


แบ่งปัน สิ่งดีๆ สาระ ความรู้ สารพัน บันเทิง (ปี 8)
 
บ้านGalleryLatest imagesค้นหาสมัครสมาชิก(Register)เข้าสู่ระบบ(Log in)

 

 เทรนด์โรคฮิตของคนออฟฟิศ ที่ไม่ควรอินตาม

Go down 
ผู้ตั้งข้อความ
rubfees
Oxytocin
Oxytocin
rubfees



เทรนด์โรคฮิตของคนออฟฟิศ ที่ไม่ควรอินตาม Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: เทรนด์โรคฮิตของคนออฟฟิศ ที่ไม่ควรอินตาม   เทรนด์โรคฮิตของคนออฟฟิศ ที่ไม่ควรอินตาม Icon_minitime19/3/2010, 18:51

เทรนด์โรคฮิตของคนออฟฟิศ ที่ไม่ควรอินตาม

by Intira Sriumnouy Q:“ดิฉัน เป็นสาวออฟฟิศ วันๆนั่งทำงานอยู่แต่หน้าคอมพิวเตอร์ บางครั้งนั่งเกิน12ชั่วโมงด้วยซ้ำ ก็งานมันเร่งน่ะค่ะ มีแค่ชั่วโมงเดียวเท่านั้นที่ได้พัก คือตอนทานข้าวกลางวัน นอกนั้นก็หมกตัวอยู่แต่หน้าจอสี่เหลี่ยม มีอยู่วันหนึ่งเริ่มปวดคอ ปวดหลัง ปวดตัว แต่ก็คิดว่าปวดเมื่อยธรรมดา พอตกเย็นก็ยังถ่อเอาตัวไปเดินช้อปปิ้ง ทั้งๆที่ใส่ส้นสูง 3 นิ้ว แถมแบกกระเป๋าใบโตพร้อมสัมภาระแบบครบสูตร เป็นอย่างนี้ทุกวันจนวันหนึ่งรู้สึกอาการหนักขึ้น นอกจากความปวดจะทวีความรุนแรงขึ้นแล้ว ยังมีอาการชาตามนิ้วมือและขาด้วยค่ะ ดิฉันเป็นอะไรไป จะตายไหมคะ”

A: ดูจากพฤติกรรมและอาการแล้ว คุณกำลังเข้าข่ายการเป็นโรค Office Syndrome ค่ะ ซึ่งเป็นโรคสุดฮิตที่คนทำงานออฟฟิศกำลังเป็นกันมาก

โรค Office Syndrome คืออะไร ?

หรือ โรคปวดกล้ามเนื้อในส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปวดไหล่ ปวดคอ ปวดหลัง ปวดสะบัก ปวดหัว ปวดข้อมือ ชามือ ชาเท้า สายตาเมื่อยล้า ปวดกระบอกตา ตลอดจน เมื่อยล้าเรื้อรัง ซึ่งที่เรียกว่าโรค Office Syndrome ก็เพราะว่า เป็นอาการที่หนุ่มสาวในออฟฟิศมักจะเป็นกัน เพราะเนื่องจากไลฟสไตล์ที่ต้องอาศัยการเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วรวดเร็ว สลับกับการนั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ รวมถึงการใช้ร่างกายในแบบ ‘Overload’ จนร่างกายไม่สามารถรับไหว ส่งผลให้กล้ามเนื้อและร่างกายเกิดความอ่อนล้า ตึงเครียด และเกร็งจนกลายเป็นโรคปวดตามมาในที่สุด

สาเหตุเล็กๆที่ใครก็คาดไม่ถึง

อย่าง ที่กล่าวไปแล้วว่า เกิดจากพฤติกรรมที่ผิดๆ เช่น นั่งหน้าคอมพิวเตอร์นานเกินไป ตลอดจนใช้งานร่างกายแบบเกินจริง ซึ่งเป็นภาวะที่หลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆสำหรับคนทำงานออฟฟิศ แต่นอกจากที่กล่าวมานี้ ก็ยังมีสาเหตุเล็กๆอื่นๆอีกมากมายที่ทำให้กลายมาเป็นโรคฮิตโดยไม่รู้ตัว เช่น การนั่งผิดท่า ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ทำให้เกิดอาการปวดหลังอย่างชัดเจน โดยการนั่งผิดท่าที่ว่า ยกตัวอย่างเช่น

1.การนั่งไขว่ห้าง ซึ่งจะทำให้น้ำหนักตัวถูกกดทับลงข้างใดข้างหนึ่ง และเมื่อกดทับเป็นเวลานาน สามารถทำให้กระดูกสันหลังเราคดได้

2.การนั่งกอดอก จะทำให้หลังช่วงบน สะบัก และหัวไหล่ ถูกยืดยาวออก หลังช่วงบนค่อมและงุ้มไปด้านหน้า ทำให้กระดูกคอยื่นไปด้านหน้า มีผลต่อเส้นประสาทที่ไปเลี้ยงแขน อาจทำให้มืออ่อนแรงและชาได้

3.การนั่งหลังงอ หลังค่อม เช่น การนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นาน ๆ เป็นชั่วโมง ๆ จะทำให้กล้ามเนื้อเกร็งค้าง เกิดการคั่งของกรดแลคติค มีอาการปวดเมื่อย ล้าและมีปัญหาเรื่องกระดูกผิดรูปตามมา

4.การนั่งเบาะเก้าอี้ไม่เต็มก้น จะทำให้กล้ามเนื้อหลังทำงานหนัก เพราะฐานในการรับน้ำหนักตัวไม่สมดุล

ซึ่งนอกจากที่กล่าวมาทั้งหมด ก็ยังมีสาเหตุอื่นๆอีกโดยเฉพาะในผู้หญิง เนื่องจากผู้หญิงสมัยใหม่มักชอบการใส่ส้นสูงเป็นชีวิตจิตใจ ซึ่งเจ้ารองเท้าส้นสู๊ง สูงนี่แหละเป็นเหตุให้โครงสร้างโดยรวมของร่างกายมีความผิดสมดุล ไม่ ว่าจะเป็นปัญหาเส้นเลือดขอด อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ โรคข้อนิ้วหัวแม่เท้าเสื่อม อาการนิ้วเท้าติดกัน เส้นประสาทบริเวณเท้าถูกกดทับ ไปจนถึงโรคหมอนรองกระดูกเคลื่อน เพราะกระดูกเชิงกรานต้องเคลื่อนตัวไปทางด้านหน้ามากขึ้นเพื่อให้ร่างกาย สามารถทรงตัวและรักษาสมดุลอยู่บนส้นสูงได้ โครงสร้างร่างกายจึงวางตัวในภาวะผิดรูป (Biomechanical Distortion) เช่นเดียวกับการสะพายกระเป๋าใบใหญ่ๆ ที่มีน้ำหนักมากซึ่งเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่พบได้บ่อย เนื่องจากน้ำหนักส่วนเกินของกระเป๋าที่สาวๆ มักจะถนัดสะพายที่ไหล่เพียงด้านใดด้านหนึ่งเป็นประจำ ทำให้มีการกดทับที่ช่วงไหล่ ต้นคอ และหลัง ร่างกายจึงเกิดภาวะผิดสมดุลโครงสร้าง และในบางรายอาจสังเกตุเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีอาการไหล่เอียง

I’m an Office Syndrome, Aren’t you?

Office Syndrome รักษาได้เพียงแค่เปลี่ยนพฤติกรรม แบ่งเป็นการรักษาระยะสั้นกับระยะยาว ซึ่งมีวิธีการ ดังนี้

การรักษาระยะสั้น เช่น การยืดกล้ามเนื้อเป็นระยะขณะทำงาน หรือหาเวลาพักบ้าง เช่น ลุกขึ้นเดินหรือคุยโทรศัพท์เรื่องเบาสมอง หรืออาจจะต้องพึ่งการนวดและการฝังเข็ม หรือการทานยาพาราเซตามอล ซึ่งก็พอจะช่วยให้อาการปวดเมื่อยต่างๆทุเลาลงไปได้บ้าง

การรักษาระยะยาว คือ ต้องอาศัยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและจัดให้ร่างกายอยู่ในภาวะที่สมดุล ถูกลักษณะ เช่น การนั่งทำงานแบบนั่งตัวตรง หลังไม่งอ การปรับระดับเก้าอี้ให้สมดุลกับจอมอนิเตอร์ โดยให้จอต่ำกว่าระดับสายตา 15 องศา การเลือกโต๊ะทำงานที่มีระดับพอดีกับข้อศอก เพื่อจะได้กดคีย์บอร์ดได้อย่างถนัดมือ ที่สำคัญไม่นั่งท่าเดิมเป็นเวลานานๆและไม่ใช้สายตาจดจ่ออยู่จุดใดจุดหนึ่ง เกินกว่า 20 นาที ส่วนสาวๆทั้งหลายหลีกเลี่ยงการใส่ส้นสูง ใช้กระเป๋าใบใหญ่เกินตัว และแบกของเกินจำเป็นให้น้อยลงเป็นดีที่สุด

นอก จากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแล้ว การรักษาอย่างถูกวิธีโดยแก้ไขที่โครงสร้างและกล้ามเนื้อด้วยแพทย์ผู้เชี่ยว ชาญเฉพาะทาง หรือศาสตร์ที่เรียกว่า “ไคโรแพรคติก” ที่ทำการรักษาที่ต้นเหตุโดยการจัด ปรับ ดัด โครงสร้างให้กลับเข้าสู่ภาวะสมดุลได้มากที่สุด ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยปรับและแก้ไขภาวะผิดสมดุลที่เรียกว่า Office Syndromeในระยะยาวได้เช่นกัน

Did You Know?


- จากการสำรวจพนักงานออฟฟิศในประเทศยุโรป พบว่าเรื่องของวัยมีผลกับสภาพอาการด้วยเช่นกัน โดยกลุ่มคนทำงานอายุระหว่าง 16-24 ปีมีความเสี่ยงของการเกิดภาวะปวดคอ หลัง และไหล่สูงมาก เพราะได้รับการมอบหมายงานที่มากและต้องทำงานแข่งกับเวลา ส่วนคนทำงานอายุ 55 ปีขึ้นไปมักมีอาการปวดศีรษะเพราะสภาพการทำงานต้องรับผิดชอบการตัดสินใจ เรื่องสำคัญ ภาวะกดดันและการแข่งขันสูง

Credit: ดร.มนต์ทณัฐ (รุจน์) โรจนาศรีรัตน์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านไคโรแพรคติก จากไคโรฟิต ไคโรแพรคติก เซ็นเตอร์


เทรนด์โรคฮิตของคนออฟฟิศ ที่ไม่ควรอินตาม Working1
ภาพประกอบจาก tamdee.udomtam.com
ขึ้นไปข้างบน Go down
rubfees
Oxytocin
Oxytocin
rubfees



เทรนด์โรคฮิตของคนออฟฟิศ ที่ไม่ควรอินตาม Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: เทรนด์โรคฮิตของคนออฟฟิศ ที่ไม่ควรอินตาม   เทรนด์โรคฮิตของคนออฟฟิศ ที่ไม่ควรอินตาม Icon_minitime19/3/2010, 18:53

เทรนด์โรคฮิตของคนออฟฟิศ ที่ไม่ควรอินตาม 26432637
ขึ้นไปข้างบน Go down
 
เทรนด์โรคฮิตของคนออฟฟิศ ที่ไม่ควรอินตาม
ขึ้นไปข้างบน 
หน้า 1 จาก 1

Permissions in this forum:คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
DeeZan ชุมชนคนรักดี(ซ่าน) :: ความรู้ต่างๆ วรรณกรรม บทความ นวนิยาย นิยาย กลอนเพราะ และอื่นๆ :: อาหาร เคล็ดลับกับการดูแลสุขภาพ การท่องเที่ยว ตะลอน..ทัวร์ Travel-
ไปที่: