หลวงพ่อปราโมทย์ : ความทุกข์ทางใจเกิดจากความอยาก มีความอยากขึ้นเมื่อไหร่ มีความทุกข์ขึ้นเมื่อนั้น
ให้เราสังเกตใจของเราไป ใจมีความอยากขึ้นมารู้ทัน
ใจมีความอยากขึ้นมารู้ทัน ถ้าคอยรู้ความอยากของใจบ่อยๆ
เราจะรู้เลยว่าใจอยากในสิ่งที่ไร้สาระนี่เยอะมากเลยวันๆ นึง
อยากในสิ่งที่มีสาระไม่มากนะ อยากในสิ่งไร้สาระนี้เยอะ อยากดูหนัง
อยากฟังเพลง อยากไปเที่ยว อยากกินโน่นอยากกินนี่ อยากคุยกับคนโน้น
อยากไม่เห็นหน้าคนนี้ อะไรอย่างนี้นะ อยากให้อากาศเย็นๆ
พอร้อนแล้วก็อยากให้เย็น พอเย็นมากแล้วก็ โอ๊ย เย็นมากไป อยากให้อุ่นๆ
อะไรอย่างนี้นะ ฝนตกก็โมโห ว้า มาตกทำไม ลำบาก ฝนไม่ตกเลยก็กลุ้มใจ
ใจ
นั้นมันเต็มไปด้วยความอยากนะ อยากได้ฝนหรือไม่อยากได้ฝนไรงี้นะ
ความอยากเรามีตลอดเวลา พอความอยากเกิดขึ้นนะ ใจจะเครียดละ
ความอยากเกิดขึ้นเมื่อไหร่ใจจะเครียดเมื่อนั้น ไปสังเกตนะ
ว่าจริงหรือไม่จริง มันกลัวไม่ได้ หรือได้แล้วไม่ได้เหมือนที่อยาก
อะไรอย่างนี้นะ ได้มาแล้วกลัวมันหายไป
หรือบางอย่างนะ
ตอนยังไม่ได้อยากได้นะ พอได้มาแล้วอยากให้มันหายเร็วๆ
ถามดูผู้ชายที่แต่งงาน ลองถามดู แต่เวลาคุยกับเพื่อน เขาจะคุยแบบนี้นะ
อยู่ที่บ้านก็คุยอีกอย่างนึง ใครจะไปพูด คนยังไม่แต่งงานอยากแต่ง
คนแต่งงานแล้วอยากเลิก อะไรอย่างนี้
เพราะงั้นนะ
ความอยากเกิดตลอดเวลาเลย ความอยากเกิดเมื่อไหร่ ใจก็เครียดเมื่อนั้น
ทำยังไง ห้ามความอยากไม่ให้เกิดได้มั้ย ห้ามไม่ได้เพราะจิตเป็นอนัตตา
แต่ให้เรามีสตินะ ความอยากเกิดขึ้นในจิต เราคอยรู้ทันไว้
อย่างเขาจะ
ตีกันนะ เราโอ๊ยเมื่อไหร่เขาจะกลับบ้านกันไปให้หมดน้า
เลิกมายุ่งในกรุงเทพฯ สักที นี่เราอยาก ความอยากเกิดขึ้นก็กลุ้มใจนะ
หลวงพ่ออยู่เมืองชลนะ เขาไปตีกันในกรุงเทพ หลวงพ่อไม่กลุ้มเท่าไหร่หรอก
แต่สงสารพวกเรา
เมื่อไหร่ความอยากเกิดขึ้น ความทุกข์ก็จะเกิดขึ้น
ความอยากจะเกิดเนี่ยห้ามไม่ได้ แต่ถ้าความอยากเกิดขึ้น เรามีสติรู้ทัน จิตจะไม่ถูกความอยากบีบคั้น
ความอยากจะบีบคั้นจิตใจไม่ได้ มันจะอยากขึ้นมา พอรู้ทันก็สลายตัวไป หายไป
คราวนี้จะเหลือเหตุผลละ ไอ้สิ่งที่อยากนั้นสมควรอยากมั้ย ถ้าสมควรอยากนะ
สมควรที่จะต้องทำอย่างนั้น เราก็ทำด้วยเหตุด้วยผล
ยกตัวอย่าง
จิตมันอยากกินโน่นอยากกินนี่ พอเรารู้ทันความอยาก ความอยากดับไป
เราก็เหลือเหตุผล สมควรกินก็กินนะ
ไม่ใช่ว่าทุกครั้งที่อยากแล้วจะต้องไม่กิน ถ้าทุกครั้งอยากแล้วไม่กิน
คงไม่ได้กินอะไรเลย เพราะว่าใจมันอยากตลอดเวลา หรืออยากได้เสื้อใหม่
มีเสื้อตัวใหม่อยากได้ พอสติรู้ทันใจที่อยากนะ ความอยากดับไป
เหลือเหตุผลละ สมควรจะไปซื้อมั้ย สมควรซื้อก็ซื้อ อะไรอย่างนี้
ไม่สมควรก็ไม่ซื้อ จะเหลือเหตุผล เราดำรงชีวิตด้วยเหตุผลนะ
ไม่ใช่ดำรงชีวิตด้วยความอยาก
งั้นง่ายๆนะ มีสติรู้ทันใจตัวเองไป
ใจเกิดความอยากขึ้นมารู้ทัน ๆ ความอยากไม่บีบคั้นนะ ไม่จนหรอกนะ
ฐานะไม่ค่อยดีเท่าไหร่แต่ความอยากน้อยไม่จนนะ มีเงินมากแต่ความอยากมาก
จนนะ เท่าไหร่ก็ไม่พอ ไม่เต็มตามความอยากหรอก นี่
หัดดูใจนะ ถ้าใจมีความอยากขึ้นมา ใจก็มีความทุกข์ ถ้ารู้ทัน ความอยากหายไป เหลือเหตุผล ดำรงชีวิตด้วยเหตุผลนะ ก็ทุกข์น้อยหน่อยหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อวันเสาร์ที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๓
คลิกเพื่อ ฟังธรรมะบรรยายCD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๕
ลำดับที่ ๓
File: 530522
ระหว่างนาทีที่ ๑๒ วินาทีที่ ๐๐ ถึง นาทีที่ ๑๖ วินาทีที่ ๑๒http://www.dhammada.net/2011/10/23/12109/