ช่วงนี้ก็ถึงวันแม่แล้วผมจึงมีบทเขียนจาก ข.เขียนถึงแม่มามอบให้กับทุก ๆ ท่านด้วย …“ดินสอและหนังสือของแม่”...
แม่ของฉัน...เป็นหญิงชาวบ้านนอก มีความรู้แค่เพียงชั้น ป. ๔ เรียนหนังสือภาคบังคับ ในสมัยเมื่อครั้งเมืองตรังอยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ (ปี พ.ศ. ๒๔๘๘) ...แม่เล่าว่า...แม่นุ่งผ้าถุงไปโรงเรียน (ส่วนพ่อขี่ม้าไปเรียนหนังสือ)
ฉันเรียนอย่างตั้งใจจนจบปริญญา ...ตลอดเวลาฉันคิดถึงภาพแม่เสมอ... ที่ครั้งหนึ่ง... แม่ไปเยี่ยม... ไปหา... ไปให้กำลังใจถึงที่โรงเรียน ในตอนพักกลางวัน...ในวันที่ฉันสอบ...ชั้นประถมปีที่ ๗
แต่...ทุกครั้งที่ไปไหนๆ... หากผู้จบปริญญาอย่างฉันอยากจะจดอะไรแล้วควานหาปากกาไม่เจอหรือไม่มีปากกาพกติดไปด้วย...หากไปกับแม่...แม่จะหยิบดินสอแท่งสั้นกุดๆ ปลายทู่ๆ ซึ่งแม่พกใส่กระเป๋าเศษสตางค์เล็กๆ ของแม่...แม่ส่งดินสอให้ฉันเสมอ ดินสอที่มียางลบด้วย...
ฉันพบว่า...ในกระเป๋าใส่สตางค์ของแม่ เป็นกระเป๋าเล็กๆ มีซิปรูด ที่เรามักชอบใส่เศษสตางค์ แต่ในกระเป๋าของแม่ใบนั้น นอกจากมีเงินม้วนๆ พับอยู่ มีมีดพับเล็กๆ ขนาดเท่าที่ตัดเล็บ ยังมีดินสอแท่งกุดๆ พร้อมยางลบใส่ติดกระเป๋าอยู่เสมอ...ฉันคิดว่า...แม่มีความคิดสุดฉลาดเลิศ (โดยที่แม่ไม่รู้) ที่พกดินสอ เพราะการพกปากกา บางครั้งพอจะหยิบใช้ก็พบว่า หมึกแห้งเขียนไม่ได้ ...และลบไม่ได้
คุณเชื่อไหมว่า...ฉันพยายามเก็บจดหมายที่แม่เขียนถึงฉันเกือบทุกฉบับ เพราะฉันคิดว่า ลายมือนักเรียนจบชั้น ป. ๔ ของผู้ที่เป็นแม่ ...สวยงาม และเรื่องราวที่แม่เขียนมีค่านัก ยิ่งกว่าหนังสือเล่มใด (ฉันเก็บของในลิ้นชักโต๊ะทำงาน และเปิดดูในแฟ้ม พบจดหมายของแม่ที่เขียนมาถึงฉัน)
ระยะหลังๆ มานี้...ฉันพยายามใช้ดินสอร่างและขีดเขียนหนังสือมากขึ้น ตั้งแต่ฉันไปศูนย์ภูมิรักษ์ธรรมชาติกับเพื่อนๆ ชาวโอเคเนชั่น และได้ยินอาจารย์ปัญญา ปุลิเวคินทร์ เล่าว่า “...ในหลวงทรงใช้ดินสอเขียนในการทรงงาน...จนสั้นกุด” และฉันก็พยายามเขียนบนกระดาษหน้าสอง (กระดาษรีไซด์เคิล) ด้วย
ในขณะที่รัฐบาลใหม่ประกาศจะให้นักเรียนไทยตั้งแต่ชั้นอนุบาลใช้อุปกรณ์ทันสมัยที่เรียกว่า “แท็บแล็ต” (ขอโทษนะคะ ฉันยังไม่เห็นหน้าตาว่ามีรูปร่างอย่างไร เรียกและสะกดเป็นภาษาไทยว่าอย่างไร แต่ฉันก็สยองในความคิดนี้แล้ว) ...ฉันรักภาษาไทย รักการเขียนภาษาไทย ภาษาที่แม่สอนให้ฉันเขียนด้วยดินสอตั้งแต่ฉันยังเป็นเด็ก การเขียนตัวอักษรเป็นศิลปะแล้วคุณหละคะ...
คุณรักการเขียนภาษาไทยไหม...
คุณยังมีจดหมายที่แม่เขียนด้วยลายมือแม่ไหม…
คุณเคยคิดถึง...ดินสอ...ของแม่ เหมือนฉันไหม…
ก่อนจบเรื่อง “ ข. เขียน... ถึงแม่” นี้ ฉันอยากจะมอบกลอนบทหนึ่ง ประพันธ์โดยอาจารย์สุนทรเกตุฯ ซึ่งฉันพบว่า พ่อเก็บเอาไว้ในลิ้นชักโต๊ะเขียนหนังสือในห้องของพ่อ (ภายหลังที่ท่านจากโลกนี้ไปแล้ว) และฉันได้นำมาพิมพ์ลงในหนังสือ “รำลึกร้อยวันแห่งการจากไปของ...ปู่เยื้อน ชุมศรี”...ฉันมอบหนังสือเล่มนี้ให้บล็อกเกอร์คนช่างเล่า พร้อมกับบอกว่า…
“พี่กลับไปกอดแม่พี่ให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่ารีรอช้า ท่านอายุมากแล้ว ขอให้ไปทันทีที่คิดถึงแม่นะคะ...”
ฉันหวังว่าเพื่อนๆ ทุกคนที่ยังมีแม่..จะกลับไปหาแม่ ทุกครั้งที่คิดถึงท่าน กลับไปกอดแม่นะคะ แล้วคุณจะไม่เสียใจ เพราะโลกนี้ ไม่มีอะไรแน่นอน...
ขอมอบเพลง... “แม่” ขับร้องโดย เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์ จากเว็บไซต์ยูทูป ...สำหรับวันแม่ปี ๒๕๕๔ นี้ นะคะ
และนำกลับมาให้อ่านกันอีกครั้ง สำหรับเรื่อง “แม่” ของปี ๒๕๕๓ ที่ผ่านมานะคะ “ขอเขียนถึงแม่ด้วยสักคน” กดลิ้งค์
http://www.oknation.net/blog/Chaoying/2010/08/11/entry-1/comment
ดินสอ ..ดลใจ ทั้งกุดทั้งทู่... แต่กินใจ
จดหมายของแม่ เป็นหนังสือที่ดีที่สุดในชีวิต มีหลายเรื่องราว
ภาพรอยยิ้มของแม่...สวยงาม ชื่นใจลูก ตลอดกาล
ลายสือไท...ของแม่ที่ จบ ป. ๔ สวยงามมากๆ
แม้อายุแม่จะมากขึ้นและสังขารที่ร่วงโรย แต่ก็ต้องทำงาน... ยางพารา... คือ รายได้มาเจือจุน และมีฝนเป็นอุปสรรค
หมากัด...ความเป็นห่วงของแม่ คอยดูแลลูกยามเจ็บป่วย...แม่เป็นหมอประจำบ้าน...ตอนเด็กๆ มีหมาเฝ้ารอบๆ เปล ๔ ตัว หมานอนหลับอยู่เอาขวดนมใส่น้ำ หยอดหูหมา ฮิ ๆ โดนหมากัด (ครั้งที่ ๑)
คาถาของแม่...ศักดิ์สิทธิ์ นักแล
คำลงท้าย ของแม่..ขอให้พระคุ้มครองลูกเสมอ...พรของแม่
ทำบุญ...ตามวิถีพุทธ แม่ทำบุญเผื่อลูกๆ เพราะรู้ว่า ลูกไม่ว่างได้ไปวัด...ใจแม่ประเสริฐสุด และเป็นคนไทยเชื้อสายจีนสืบทอดประเพณีไหว้พระจันทร์ แม่จะซื้อขนมไหว้พระจันทร์และส่งขนมเข่งให้กินทุกปี ...นับตั้งแต่ไม่มีแม่...ไม่ได้กินขนมเข่งตั้งแต่บัดนั้นมา...อยากกินขนมเข่ง... คิดถึงแม่เหลือเกินค่ะ
พ่อขายไข่ไก่บ้านที่พ่อเลี้ยง..และเป็นอาหารโปรตีนหลักของลูกๆ ด้วย...ให้เห็นถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ หารายได้มาเลี้ยงดูครอบครัว...บ้านเราปลูกผักบุ้งมัดขายเป็นกำๆ เมื่อน้ำแห้ง ผักบุ้งขายไม่ได้...ขาดรายได้
แม่ชอบปลูกดอกไม้ แม้แต่เสื้อ... แม่ก็ยังชอบใส่ลายดอกไม้ แต่ยังมีใครอีกคนหนึ่ง ที่ชอบดอกไม้ ถึงกับเด็ดช่อดอกไม้มาถือไว้ และชอบใส่เสื้อลายดอกไม้เหมือนแม่..รู้ไหม.. ใครเอ่ยน่าเอ็นดูนิ
แม่สอนลูก..(น้องชาย) ถึงการเขียนตัวหนังสือ...แม่ คือ ครูคนแรก ที่จบแค่ ป. ๔ ...แต่ดูแลเอาใจใส่อบรมสั่งสอน และสอนหนังสือได้เยี่ยมยอด
แม่สอน...คำขึ้นต้นจดหมาย เขียนถึง บิดามารดา ต้องใช้คำว่า “กราบเท้า” ยังจำกันได้ไหมคะ.. เด็กๆ สมัยนี้ เคยใช้ เคยเห็นหรือเปล่าคะ ใครเคยใช้ “กราบเท้า” บ้าง ...ยกมือขึ้นค่ะ
แม่ตื่นตี ๔...ตัดยาง หาเงิน ช่วยพ่อเลี้ยงครอบครัว แม่เขียนจากชีวิตจริง ตัวอักษรทุกตัวของแม่ มีชีวิตชีวาเสมอ เขียนจากเรื่องจริง ไม่ได้อิงนิยาย...แต่ชีวิต ยิ่งกว่านิยาย
“จะไปเก็บแล้ว” ...หมายถึง ไปเก็บน้ำยางที่ตัดเสร็จแล้ว...
วิถีชิวิตคนตัดยาง...
อารมณ์ขันของแม่...แม่มักหยิบฉวยกระดาษที่หาคว้าได้ใกล้มือ มาเขียนถึงลูกด้วยความเป็นห่วง ความคิดถึง... ก่อนจะไปเก็บยาง.. ภาพนี้เป็นกระดาษปฏิทิน มีภาพด้วย..คำของแม่..ขำ..กินใจ..สอนใจ ลึกซึ้ง...จดหมายฉบับนี้ แม่เขียนเมื่อปี ๒๕๒๔ ..มาถึงวันนี้ กี่ปีมาแล้ว นับดูเอาเองนะคะ...
รักแม่..และพ่อ มากที่สุดในโลก ค่ะ ในอ้อมกอดรักจริงที่เที่ยงแท้...
หากย้อนวันเวลากลับได้ จะขออยู่ใกล้กับพ่อและแม่ให้มากกว่านี้
หนังสือ ..."ปู่เยื้อน ...ชีวิตนี้ มีแต่ให้"...ที่ "คนช่างเล่า" มักเอ่ยถึง มีกลอนบทข้างล่างนี้.. พ่อเก็บบทกลอนนี้ไว้ในลิ้นชักโต๊ะเขียนหนังสือ...เราเจอหลังจากที่พ่อจากโลกนี้ไปแล้ว
ประพันธ์โดย อาจารย์สุนทรเกตุ (ไมทราบนามสกุล) เขียนคัดด้วยลายมือเจ้าหญิง
ลายมือหลานตอนอยู่อนุบาล ๓ ...ตอนนี้เธอเรียนมหาวิทยาลัยปี ๔ ลายมือเด็กๆ เขียนด้วยดินสอ ..น่ารักและสวยงามเสมอ หากมีการแจก “แท็ปเล็ต” ...อนาคตเราคงไม่เห็นลายมือน่ารักๆ แบบนี้อีก น่าเสียดายนะคะกอดแม่..ครั้งสุดท้าย ในวันคล้ายวันเกิดของฉัน..ที่กลับไปเยี่ยมแม่
ผมว่าดีมากนะ ผมเองก็จะกลับไปกราบแม่ซักครั้งอยู่หอมานานไม่ได้เจอแม่มาก็2เดือน แล้วทุกท่านหละครับไปกราบแม่ยัง